ครอบครัวกับเพศศึกษา

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฉันทิกา จันทร์เปีย
ภาควิชาการพยาบาลกุมารเวชศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ครอบครัวกับเพศศึกษา
ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับว่าปัญหาทางเพศเป็นปัญหาที่สำคัญเรื่องหนึ่งของเด็ก ไทย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความสับสนทางเพศ การวางคัวที่ไม่เหมาะสมของเด็กวัยรุ่นหญิง – ชาย การลวนลามทางเพศ การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร อันนำไปสู่การตั้งครรภ์ ทำแท้ง ติดโรคโดยเฉพาะโรคเอดส์ ซึ่งจะทำลายอนาคตที่ดีของบุตรหลานของท่าน ผู้ที่จะช่วยป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้ดีที่สุดคือพ่อแม่และคนในครอบครัวเพราะ ครอบครัวเป็นหน่วยของสังคมที่มีความสำคัญที่สุดในการหล่อหลอมเด็กมาตั้งแต่ เกิด และเป็นผู้วางรากฐานทั้งในเรื่องความคิด ความสามารถ วิธีการแก้ปัญหา ค่านิยม คุณธรรมและจริยธรรม พ่อแม่และผู้ใหญ่ควรเลี้ยงดูเด็กให้พึงพอใจในตนเอง รักตัวเอง นับถือผู้อื่นมีความรู้ความเข้าใจและเจตคติที่เหมาะสมในเรื่องเพศ

การที่พ่อแม่จะสอนลูกในเรื่องเพศศึกษาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็คงไม่ยากเกินไปถ้าทุกท่านเห็นความสำคัญและมีความตั้งใจ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับคำว่า เพศศึกษา เสียก่อนว่าคืออะไร ซึ่ง รศ.พญ.ชนิกา ตู้จินดา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเรื่องพฤติกรรมของเด็กตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงวัยรุ่น บอกว่า ทุกวันนี้คนทั่วไปเข้าใจผิด คิดว่าเพศศึกษาคือเรื่องเพศสัมพันธ์ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เพศศึกษาคือการศึกษาบทบาทของตัวเองว่า ผู้หญิงควรเป็นอย่างไร ผู้ชายควรเป็นอย่างไรตลอดจนการดูแลรักษาความสะอาดในเรือนร่างของแต่ละเพศ ว่าควรทำอย่างไร และการระมัดระวังป้องกันตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กผู้หญิง ซึ่งทุกวันนี้เด็กผู้หญิงถูกรังแกกันมาก คุณหมอชนิกาบอกว่า การจะพูดเรื่องเพศศึกษากับเด็กนั้น ในวัยเล็กๆ 8-9 ขวบ ก็ให้เริ่มจาก การอธิบายเรื่องการดูแลรักษาความสะอาดในเรือนร่าง สอนให้เด็กรู้จักป้องกันตัวเองจากคนแปลกหน้า แต่คงจะไม่ไปสอนเรื่องเพศสัมพันธ์ในเด็กวัยนี้เพราะถือว่าไม่เหมาะ ต้องรอให้เด็กเป็นวัยรุ่นมากกว่านี้ และเมื่อเด็กโตเป็นวัยรุ่น เด็กก็จะค่อยๆ เรียนรู้ เรื่องเพศสัมพันธ์ไปเองว่าคืออะไร ซึ่งการจะพูด เรื่องเพศสัันธ์ให้เด็กรู้ ต้องดูตามความเหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ผู้ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นครู หรือผู้ปกครอง ก็คงจะพูดแค่ลักษณะของกายวิภาคว่า ในร่างกายเรามีอวัยวะอะไรและอวัยวะเพศเป็นอย่างไร เป็นการอธิบายที่อยู่ในกรอบแค่พอสมควร คงไม่เหมือนฝรั่งที่จะลึกซึ้งเรื่องเพศสัมพันธ์ เพราะบ้านเราถือว่าการอธิบายที่ลึกซึ้งเกินไป จะเป็นการไปกระตุ้นให้เด็กอยากรู้อยากเห็นเร็วขึ้น

โดยเฉพาะพ่อแม่ ผู้ปกครอง ฯลฯ จะต้องมีความรู้ และทักษะเพียงพอที่จะสื่อสาร และปฏิบัติต่อสังคมด้วยกันด้านความสัมพันธ์ระหว่างเพศได้ โดยเฉพาะกับผู้ที่อายุเยาว์วัยกว่าที่อยู่ใกล้ชิด ผู้ใหญ่กับเด็กจะต้องเข้าใจและร่วมมือกันมากขึ้น ในการที่จะจรรโลงสังคมให้ดีขึ้น การให้ความรู้ และบริการทางเพศศาสตร์ศึกษา จึงจำเป็นต้องหาทางกระจายอย่างเหมาะสมให้ผู้ใหญ่เหล่านี้ในทุกระดับ ”

สรุปว่าการปฏิวัติการสอนเพศศึกษาในบ้านเราต้องเริ่มด้วยการที่พ่อแม่ ครูอาจารย์ รวมทั้งผู้ใหญ่ทุกคนในสังคมต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่ กล้าที่จะพูดเรื่องเพศกับเด็ก เพราะจริง ๆ แล้ว เพศศึกษาเป็นวิถีชีวิตอย่าทำให้มันเป็นเรื่องที่แตกแยกออกจากวิถีชีวิต อย่าคิดว่าเป็นการชี้โพรงให้กระรอก เพราะในความเป็นจริงกระรอกมันอยู่ในโพรงเรียบร้อยแล้ว เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้กระรอกอยู่ในโพรงได้อย่างรอดปลอดภัยมากกว่า.

เป็นที่ยอมรับกันว่าครอบครัวมีความสำคัญที่สุดในการหล่อหลอมความเป็นมนุษย์ ของบุคคลตั้งแต่เกิด วิถีชีวิตของบุคคล ค่านิยม เจตคติ จริยธรรม ความสามารถ การริเริ่มสร้างสรรค์ และวิธีการแก้ปัญหาฯลฯ ล้วนมีอิทธิพลมาจากพื้นฐานครอบครัวของบุคคลนั้นทั้งสิ้น

พ่อแม่และผู้ใหญ่ควรเข้าใจและเลี้ยงดูเด็กให้พึงพอใจในตนเอง รักตัวเอง รักและนับถือผู้อื่นและมีเจตคติที่เหมาะสมในเรื่องเพศ ความรู้เกี่ยวกับเพศและการรู้จักธรรมชาติของชายหญิงและพัฒนากาทางเพศเป็น สิ่งจำเป็นที่ผู้ใหญ่ต้องทำความเข้าใจ